ในส่วนของ Reservation Status (สถานะการจอง) จะขอแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบ Dine-In และ Delivery
ในส่วนนี้ จะอธิบายถึงสถานะการจองของลูกค้า วิธีการเปลี่ยนสถานะการจอง ที่ร้านจะต้องกดในกรณีต่างๆ
** หากมีลูกค้าจองเข้ามาในระบบ ร้านจะได้รับ การแจ้งเตือนผ่าน SMS และ Email ที่กำหนดไว้
สถานะของลูกค้า จะมีดังนี้ ถึงแล้ว / ยกเลิก / และไม่แสดงตัว
– Arrived (ถึงแล้ว) คือ ลูกค้าที่มาใช้บริการแล้ว ในกรณีที่ลูกค้ามาถึงร้าน ตามเวลาที่จองไว้ ร้านอาหารต้องกดปุ่ม ถึงแล้ว ในช่องตัวเลือกแอคชั่น
(เมื่อลูกค้าใช้บริการเสร็จแล้ว ร้านไม่ต้องกดแอคชั่นใดๆต่อ สถานะถึงแล้วจะยังแสดงอยู่ เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลในการคำนวณคอมมิชชั่น)
– Cancel (ยกเลิก) คือ การจองที่ถูกยกเลิก โดยร้าน/ทีมงาน ในกรณีที่ลูกค้าต้องการให้ร้านยกเลิกให้ ร้านสารถกด แก้ไข เพื่อเปลี่ยนสถานะการจอง เป็นยกเลิกได้ โดยจะต้องใส่เหตุผลที่ทำการยกเลิกการจองนั้นด้วย เช่น ลูกค้าต้องการให้ยกเลิกให้ เมื่อการจองเปลี่ยนสถานะแถบสีของการจองที่ถูกยกเลิกจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม
– Cancel (modified) คือ การจองที่ ได้ถูกยกเลิก เพราะมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการจองโดยลูกค้าก่อนถึงเวลาจอง เช่น เปลี่ยนแปลงเวลา วันที่ แพ็คเกจ เป็นต้น โดยลูกค้าท่านเดิมจะได้รับเลขการจองชุดใหม่มาแทน เมื่อการจองเปลี่ยนสถานะแถบสีของการจองที่ถูกยกเลิกจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม
– Cancel by user (ยกเลิก by user) คือ การจองที่ถูกยกเลิกก่อนถึงเวลาจองโดยลูกค้า เมื่อการจองเปลี่ยนสถานะแถบสีของการจองที่ถูกยกเลิกจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม
– No show (ไม่แสดงตัว) คือ ลูกค้าที่ไม่แสดงตัว ภายในเวลา 30 นาที นับจากเวลาที่จองไว้ (ในกรณีที่ลูกค้าหายไปเลย ไม่ได้ติดต่อร้านเข้ามาทำการยกเลิกการจองเท่านั้น) ร้านอาหารจะต้องกดปุ่ม ไม่แสดงตัว ในช่องตัวเลือกแอคชั่น (ขอให้ร้านพิจารณาตามเหตุผลจริง เนื่องจาก สถานะ no show อาจส่งผลถึงลูกค้า ในการได้รับโปรโมชั่นต่างๆ ของ Hungry Hub ในอนาคต เมื่อการจองเปลี่ยนสถานะเป็น ไม่แสดงตัว แถบสีจะเปลี่ยนเป็นสีแดง
จำลองสถานการณ์ ที่จะเกิดขึ้นในเหตุการณ์ต่างๆ ร้านจะต้องทำดังต่อไปนี้
สำหรับร้านอาหารใหม่ ทาง Hungry Hub จะทำการส่ง Test Booking จำลองสถานการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการจอง ร้านจะต้องลองกดปุ่มแอคชั่นต่างๆให้ครบทุกสถาณการณ์ เพื่อทำความเข้าใจและถือเป็นการลองใช้จริง
เหตุการณ์ที่ 1 :
– เมื่อลูกค้ามาถึงร้าน ตามวันและเวลาที่จองเมื่อลูกค้าถึงร้าน ลูกค้าจะแจ้งหมายเลขการจองที่หน้าร้าน
– ร้านต้อง กดปุ่ม Arrived (สถานะจาก Pending Arrival จะถูกเปลี่ยนเป็น Arrived)
เหตุการณ์ที่ 2 :
– เมื่อลูกค้าไม่แสดงตัว ตามวันและเวลาที่จอง
– เมื่อลูกค้าไม่แสดงตัว ร้านจะต้องกดปุ่ม No Show (สถานะจาก Pending Arrival จะถูกเปลี่ยนเป็น No Show ขึ้นแถบสีแดง)
เหตุการณ์ที่ 3 : เมื่อลูกค้าต้องการยกเลิก
– เมื่อลูกค้าขอ Cancel ร้านจะต้องกดปุ่มแก้ไข
– จากนั้นเลือกเปลี่ยนสถานะจาก Pending Arrival เป็น Cancel เพื่อทำการยกเลิก
เหตุการณ์ที่ 4 : เมื่อลูกค้าต้องการเปลี่ยนข้อมูล วัน เวลา
– เช่น ลูกค้าจองไว้เวลา 18.00 แต่ต้องการเปลี่ยนเวลาเป็น 19.00
– ร้านจะต้องกดปุ่มแก้ไข จากนั้นเลือกเปลี่ยนเวลาเป็น 19.00 หลังจากนั้นกดปุ่ม update
การคำนวณคอมมิชชั่น
ระบบจะคำนวณค่าคอมมิชชั่นจาก การจองที่อยู่ในสถานะ Arrived (ถึงแล้ว) และ การจองที่ยังอยู่ในสถานะ Pending Arrival (กำลังมา) โดยทางร้านจะต้องแก้ไขสถานะการจอง ภายใน 24 ชั่วโมง นับจากเวลาที่ลูกค้าไปทาน
Comments
0 comments
Please sign in to leave a comment.